VWCCM#005 ไฟบอล
ปัญหาเรื่องมอนสเตอร์ที่น่ารักเกินไปถูกแก้ไขแล้ว พวกกระต่ายน้อยและสัตว์ที่น่ารักอื่นๆถูกแทนที่ด้วยสัตว์ที่ดูเป็นอันตรายมากขึ้นเช่นหมูป่าและหมาป่า
วันที่ 2 ผ่านไป....
วันที่ 3 ผ่านไป....
ผู้เล่นทุกคนติดตามการอัพเดทของเกมอย่างต่อเนื่อง แม้พวกเขาจะมีโอกาสเล่นเกมได้ไม่ถึงหนึ่งวัน แต่พวกเขาก็พูดได้อย่างเต็มปากว่ามันเป็นประสบการณ์ในการเล่นเกมที่พวกเขาไม่เคยได้พบมาก่อน
เหล่าผู้เล่นต่างก็เต็มไปความคาดหวัง ไม้เว้นแม้แต่กู่เฟย ในทุกๆวันที่เขากลับมาถึงบ้าน สิ่งแรกที่เขาทำก็คือเปิดดูเว็บไซด์ของเกมเพื่อดูว่าวันนี้มีการอัพเดทอะไรบ้าง
แม้จะยังไม่สามารถเข้าไปเล่นเกมได้ แต่กู่เฟยก็ตื่นเต้นและมีความสุข เพราะเขาได้พบสถานที่ที่เขาจะได้แสดงความสามารถของวิชากังฟูแล้ว
การปิดปรับปรุงครั้งนี้ใช้เวลาเกือบทั้งเดือน เพราะมีปัญหาหลายๆอย่างที่ต้องแก้ไข
ข้อเสนอของเสี่ยวหวู่ได้รับการอนุมัติ แน่นอนว่านี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้การปรับปรุงครั้งนี้ใช้เวลานาน ในท้ายที่สุด บริษัทเกมก็ตัดสินใจที่จะเปิดเกมออกมาให้เล่นอีกครั้ง และจะค่อยๆปรับปรุงแก้ไขรายระเอียดต่างๆที่เหลือต่อในอนาคต
ในวันที่เกมเปิดให้บริการอีกครั้ง เมื่อกู่เฟยกลับมาถึงบ้านหลังการสอนที่โรงเรียน เขาก็รีบเข้าเกมด้วยความกระตือรือร้น
ตัวเขาในเกมยังยืนอยู่ที่เนินเขาลูกเดิมก่อนที่เขาจะออฟไลน์ไปในครั้งก่อน เขากำลังตรวจสอบดูว่าการอัพเดทระบบครั้งนี้ทำให้เขาต้องเริ่มต้นใหม่หรือไม่ แล้วก็เขาพบว่าข้อมูลต่างๆไม่ได้ถูกรีเซ็ต เขายังมีเลเวล 6 เท่าเดิม มีดสั้นสองเล่มที่เคยได้มาก็ยังเหน็บอยู่ข้างเอวของเขา
เมื่อกลับมาที่เมืองเพื่อดูสถานการณ์ เขาก็เห็นผู้เล่นจอมเวทย์จำนวนมากกำลังต่อแถวเพื่อพูดคุยกับ NPC อยู่ หลังจากสังเกตว่า NPC คนนั้นไม่ใช่คนที่ขายไม้กวาดหรือแว่นตำดำ กู่เฟยก็รู้สึกอยากรู้ขึ้นมา
"เกิดอะไรขึ้น?" กู่เฟยกล่าวถามจอมเวทย์คนหนึ่งที่เข้าแถวอยู่
"เวทย์มนต์!" จอมเวทย์คนนั้นหันมาตอบ
จอมเวทย์เป็นอาชีพที่อ่อนแอและถูกรังแกมากที่สุด เพื่อให้พวกเขาเหล่านี้ตอบโต้และป้องกันตัวได้ การอัพเดทครั้งนี้จึงปรับให้จอมเวทย์สามารถเรียนรู้เวทย์มนต์ได้ตั้งแต่เลเวล 1 เลย และพวกเขาจะสามารถเรียนรู้เวทย์มนต์อื่นๆเพิ่มได้อีกในทุกๆ 6 เลเวล ดังนั้นนอกเก็บเงินซื้อไม้กวาดกับแว่นตำดำแล้ว สิ่งที่เหล่านักเวทย์ทำก็คือมาเรียนรู้เวทย์มนต์
การต่อแถวเป็นไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ถึงคิวของกู่เฟย หลังจากที่ได้พูดคุยกับ NPC เขาก็ได้เรียนรู้เวทย์มนต์ ‘ไฟบอล’ นี่เป็นเวทย์มนต์ของจอมเวทย์แรกเริ่มในทุกๆเกม และเป็นเพราะเขาเลเวล 6 แล้ว เขาจึงได้เรียนรู้อีกหนึ่งเวทย์มนต์มาด้วยซึ่งก็คือ ‘วงแหวนเพลิง’ ซึ่งเป็นเวทย์มนต์ที่สงเสริมในด้านการป้องกันตัวของจอมเวทย์
ในเกมเสมือนจริงเช่นนี้ การได้ใช้เวทย์มนต์ก็เหมือนกับพวกเขามีเวทย์มนต์จริงๆ มันเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นอย่างมาก
บริเวณลานกว้างของวิทยาลัยเวทย์มนต์จึงมีผู้เล่นนับพันที่ตะโกนว่า “ไฟบอล” เพื่อร่ายเวทย์มนต์ของตน
ลูกบอลไฟจำนวนมากเกิดขึ้นและลอยอยู่กลางอากาศ หากมองจากมุมสูง ที่ถือเป็นภาพที่งดงามอย่างยิ่ง
ในระหว่างนี้กู่เฟยสังเกตเห็นผู้เล่นคนหนึ่งที่ตื่นตกใจจนใบหน้ากลายเป็นสีขาวซีด
อย่างไรก็ตาม อาณาเขตของวิทยาลัยเวทย์มนต์เป็นสถานที่ปลอดภัย จึงไม่เกิดการจู่โจมกันขึ้น เมื่อจอมเวทย์ใช้เวทย์มนต์ไฟบอล ลูกบอลไฟก็จะปรากฏขึ้นมากลางอากาศ แต่ไม่ได้พุ่งออกไป
กู่เฟยเดินเข้าไปทักทายผู้เล่นที่มีท่าทีตื่นตกใจคนนั้น “นายเป็นอะไรหรือป่าว?”
“บัดชบ!” ชายคนนั้นอุทานออกมาและถามถึงชื่อในเกมของกู่เฟยเพื่อเพิ่มเป็นเพื่อน จากนั้นเขาก็กล่าว “ดูชื่อของฉันสิ”
[แจ้งเตือนจากระบบ: ผู้เล่น ไฟบอล ขอเพิ่มคุณเป็นเพื่อน]
ทันทีที่เห็นชื่อของชายคนนั้น กู่เฟยก็แทบจะหัวเราะออกมา เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าจะรู้สึกอย่างไรหากผู้เล่นกนับพันคนพากันตะโกนชื่อในเกมของตน
ไฟบอลไม่คิดที่จะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้อีกต่อไป เขาตัดสินใจที่จะกล่าวลากู่เฟยและไปหาที่เก็บเลเวล
“ที่นี่เสียงดังเกินไป ฉันเองก็ว่าจะไปจากที่นี่เพื่อเก็บเลเวลเช่นกัน” กู่เฟยกล่าว เขาตัดสินใจที่จะตามไฟบอลไป
พวกเขาทั้งสองเดินออกจากวิทยาลัยเวทย์มนต์ไปพร้อมกัน ในระหว่างทางไฟบอลก็บ่นให้ฟังว่าเขารู้สึกลำบากใจขนาดไหนกับสถานการณ์เช่นนี้ เมื่อได้ฟังกู่เฟยก็รู้สึกเห็นใจไฟบอลขึ้นมาในทันที
เดิมทีไฟบอลไม่ได้สนใจเรื่องเล็กน้อยอย่างชื่อตัวละคร แต่ในวันนี้เมื่อผู้เล่นนับพันจะตะโกนชื่อของเขาทุกๆครั้งที่ร่ายเวทย์มนต์ มันก็ทำให้เขารู้สึกกระอักกระอวน เขาได้แต่หวังให้เหล่าผู้เล่นได้เรียนรู้เวทย์มนต์อื่นและเลิกใช่เวทย์มนต์ ‘ไฟบอล’ โดยเร็ว
กู่เฟยรู้สึกเห็นใจไฟบอล แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้
หลังจากที่พูดคุยกันอยู่ซักพัก ไฟบอลก็รู้สึกว่ากู่เฟยไม่ได้ชอบอาชีพจอมเวทย์ซักเท่าไร เขาจึงสาธยายจุดเด่นของจอมเวทย์ออกมา
กู่เฟยทำให้ไฟบอลต้องรู้สึกแปลกใจอย่างมาก พอเขาเป็นหนึ่งในจอมเวทย์แค่ไม่กี่คนที่ไม่สวมแว่นตาและถือไม้กวาด
เมื่อมาถึงด้านนอกของเมือง พวกเขาก็พบหมาป่าและหมูป่า พวกมันมาแทนที่เหล่ามอนสเตอร์ที่พวกผู้เล่นบอกว่าน่ารักเกินไป แม้รูปร่างภายนอกของพวกมันจะดูดุร้าย แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกมันอ่อนแอเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าในช่วงเริ่มต้น บริเวณรอบๆเมืองซึ่งเป็นสถานที่ยอดฮิตสำหรับเก็บเลเวลของผู้เล่นใหม่จะมีมอนสเตอร์ไม่เพียงพอต่อความต้องการของเหล่าผู้เล่น
เมื่อมอนสเตอร์เกิด พวกมันก็ถูกรุมล้อมด้วยผู้เล่นนับสิบและต้องจบชีวิตลงหลังจากเกิดได้แค่ไม่กี่วินาที
ไฟบอลรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เริ่มต้นเก็บเลเวล เมื่อเห็นมอนสเตอร์ปรากฏตัวขึ้น เขาจึงตะโกนและยิงเวทย์มนต์ออกไปในทันที
“ไฟบอล!”
ลูกบอลไฟปรากฏขึ้นและพุ่งตรงไปยังเป้าหมายอย่างแม่นยำ
หมูป่าที่เป็นเป้าหมายของไฟบอลถูกจัดการในทันทีและส่งกลิ่นหอมของบาร์บีคิวออกมา
“ยอดเยี่ยม!” ไฟบอลกล่าวพร้อมกับปรบมือให้ตนเอง นี่เป็นการใช้เวทย์มนต์ครั้งแรกของเขา และมันก็ประสบความสำเร็จด้วยดี
ทว่ากลุ่มผู้เล่นบริเวณนั้นก็หันมาจ้องมองไฟบอลด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
“พวกนายมองฉันทำไม?” ไฟบอลกล่าวถามด้วยความสงสัย
“ไอ้พวกแย่งมอนสเตอร์! เลวทรามต่ำช้า!” หนึ่งในผู้เล่นที่มองมายังไฟบอลกล่าว
“อะไรกัน? นี่ไม่ใช่เรื่องปกติงั้นหรอ?” ไฟบอลกำลังงุนงง แน่นอนว่าค่าประสบการณ์จากพวกมอนสเตอร์ต้องเป็นของคนที่ฆ่ามันได้
“นายตาบอดหรือไง? ไม่เห็นหรือว่าพวกเรามาจากสมาคมเดียวกันและคุมพื้นที่บริเวณนี้อยู่?” คนหนึ่งในกลุ่มกล่าว
“สมาคมงั้นหรอ?” ไฟบอลถึงกับงง เกมพึ่งจะเริ่มเท่านั้น มีคนที่เก่งกล้าสามารถพอจะสร้างสมาคมขึ้นมาได้แล้วอย่างนั้นหรอ?
“นายรู้มั้ยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้ที่แย่งมอนเตอร์จากกิลท้าทายสวรรค์ขอพวกเรา?” หนึ่งในพวกเขากล่าว
โดยทั่วไปสมาคมจะไม่ได้เข้มงวดขนาดนี้ แต่ไฟบอลไม่ได้ขอโทษแล้วยังทำเหมือนว่ามันเป็นเรื่องทั่วๆไป จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะรู้สึกขุ่นเคือง
“แล้วยังไง? ฉันยังเลเวล 1 อยู่ พวกนายจะทำอะไรฉันได้?!” ไฟบอลกล่าวอย่างไร้ซึ่งความกลัว
กู่เฟยถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของไฟบอล เขาเองก็ติดตามการอัพเดททุกวัน เพื่อปกป้องผู้เล่นที่โดนรังแก ระบบจึงได้ทำการปกป้องให้ผู้เล่นเลเวลต่ำให้ไม่รู้สึกเจ็บปวดจากการถูกโจมตีจากผู้เล่นด้วยกัน
การอัพเดทนี้ทำให้กู่เฟยไม่สามารถทำให้คู่ต่อสู้ตาบอดหรือรู้สึกเจ็บปวดได้ แม้เขาจะขว้างหินใส่เบ้าตาอีกฝ่ายเต็มๆก็ตาม
ไฟบอลไม่ได้แยแสต่อภัยคุกคามที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะเขาถือเป็นผู้เล่นเลเวลต่ำและได้รับการคุ้มครองจากระบบ
“พวกนายจะทำอะไรฉันได้ล่ะ? ฉันยังเลเวล 1! เลเวล 1 เลเวล1 โว้ยยย!” ไฟบอลเน้นย่ำถึงเรื่องเลเวลของเขาอีกครั้ง ด้วยการคุ้มครองจากระบบทำให้เขาคิดว่าตนเป็นผู้ไร้เทียมทาน
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้เล่นจากกิลท้าทายสวรรค์ไม่ได้คิดเช่นนั้น พวกเขาวิ่งไปจับแล้วช่วยกันยกร่างของไฟบอลขึ้นมาราวกับเป็นนักโทษ
“เอามันไปผูกทิ้งไว้บนต้นไม้” คนหนึ่งในกลุ่มเสนอความคิดเห็น
“ฉันว่าโยนมันลงแม้น้ำไปเลยดีกว่า” อีกคนหนึ่งในกลุ่มเสนอความคิดเห็นที่ดีกว่า
ระบบไม่ได้ช่วยป้องกันในเรื่องเหล่านี้ เมื่อไฟบอลรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เขาก็พยายามดิ้นรนขัดขืนสุดชีวิต แต่การกระทำของเขาก็ไร้ความหมาย
เขาตะโกนออกมาอย่างอับจนหนทาง “เฮ้ นายชื่ออะไรนะ? ช่วยฉันด้วย!”
กู่เฟยพยักหน้าและวิ่งไปขว้างทางผู้เล่นจากกิลท้าทายสวรรค์เอาไว้ “ทำไมเราไม่พูดคุยกันดีดี? ปล่อยเขาลงมาเถอะ”
“นายเป็นใคร?” หนึ่งในพวกเขากล่าวออกมา พวกเขาไม่ได้เกรงกลัวกู่เฟยเลยแม้แต่น้อย เกมเพิ่มจะเปิดได้แค่ไม่กี่วัน ไม่ว่าจะแข็งแกร่งมากขนาดไหนก็ไม่มีทางที่ใครจะเอาชนะพวกเขาทั้งกลุ่มได้ด้วยตัวคนเดียว ยิ่งไปกว่านั้นกู่เฟยยังเป็นแค่จอมเวทย์
“เขาเป็นเพื่อนของฉัน ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้!” บอลไฟตะโกนออกมา
“เพื่อนของนายหรอ? เยี่ยม เอามันไปโยนลงน้ำพร้อมกันเลย” ชายคนหนึ่งกล่าวพร้อมกับโบกมือให้ จากนั้นชายอีกหลายคนก็พุ่งเข้าใส่กู่เฟยพร้อมกัน
กู่เฟยตกใจเล็กน้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไฟบอลไม่ใช่คนเดียวที่ได้รับการคุ้มครองจากระบบ คนที่เลเวลต่ำกว่า 10 ทุกคนจะได้รับความคุ้มครอง คนจากกิลท้าทายสวรรค์เหล่านี้ก็เช่นกัน มันหมายความว่าเขาไม่สามารถทำให้คนพวกนี้รู้สึกเจ็บได้
ด้วยสัญชาตญาณ เมื่อศัตรูพุ่งเข้ามาพร้อมกันหลายคน กู่เฟยก็กระโดนหมุนตัวเตะกวาดออกไปในทันที
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
ชายสามคนที่พุ่งเข้ามาโดนเตะล้มระเนระนาด
พวกเขาทั้งสามเต็มไปด้วยความตกตะลึงและทำอะไรไม่ถูก พวกเขายังงงอยู่เลยว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น
สำหรับคนอื่นๆ พวกเขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดชัดเจนเต็มสองตา
“นี่มันสกิลอะไรกัน?” หนึ่งในพวกเขาอุทานออกมา
“อาชีพของนายมีสกิลแบบนั้นด้วยหรอ?” ชายคนหนึ่งกล่าวถามคนในกลุ่มที่เป็นจอมเวทย์
“ไม่! ไม่มีอย่างแน่นอน!”
คนอื่นๆที่มีอาชีพอื่นก็พากันตรวจสอบดูว่าพวกเขามีทักษะอะไรที่มีชื่อคล้ายๆกับ ‘หมุนตัวเตะ’ หรือไม่ แต่ก็ไม่มีใครพบอะไรเลย
“เขาเล่นอาชีพอะไรกันแน่?”
ทุกคนเริ่มสงสัยในตัวผู้เล่นที่สวมของชุดจอมเวทย์ผู้นี้ แต่พวกเขาก็รู้ดีว่ามันไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับอาชีพของอุปกรณ์สวมใส่ ชายคนนี้อาจจะเล่นอาชีพอื่นแล้วใส่ชุดคลุมของจอมเวทย์ก็ได้
“มันซ่อนอาชีพของตนเองเอาไว้!” ใครบางคนเริ่มคิดได้
นอกจากไฟบอลที่ถูกแบกอยู่และมองไม่เห็นกู่เฟย สายตาของคนอื่นๆกำลังจ้องมองไปที่กู่เฟย บรรยากาศเต็มไปด้วยความตรึงเครียด
“ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้!” ไฟบอลตะโกนออกมาอีกครั้ง
เสียงของเขาทำให้บรรยากาศอันตรึงเครียดสลายไป พวกเขาวางไฟบอลลงอย่างไม่ลังเลเพราะไม่อยากมีเรื่องกับกู่เฟย
กู่เฟยฉุดร่างของไฟบอลขึ้นมาและตรงไปทางอื่น
ทุกคนได้แต่มองหน้ากัน แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าเข้าไปหยุดเขา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น