VWCCM#007 จอมเวทย์ผู้กวัดแกว่งมีดสั้น
ดาบปีศาจมีชื่อเสียงโด่งดังในเกมอาณาจักรมนตรา สมาคมท้าทายสวรรค์ของเขาก็เป็นสมาคมที่ยิ่งใหญ่ที่ใครๆก็อยากเข้าร่วม เมื่อเขาประกาศว่าจะย้ายไปเล่นเกมพาราเลลเวิลด์ ผู้เล่นแทบทั้งหมดก็ตกลงที่จะย้ายไปพร้อมกับเขาและสร้างสมาคมใหม่ขึ้นโดยให้เขาเป็นผู้นำเช่นเดิม
แต่เพราะความเป็นเกมเสมือนจริง จากรูปลักษณ์อันหล่อเหลาที่สมบูรณ์แบบในเกมอาณาจักรมนตรา ต้องกลายมาเป็นหนุ่มอัปลักษณ์ในเกมนี้ สมาชิกหลายคนปฏิเสธที่จะยอมรับเขาและขอแยกตัวออกไป โดยเฉพาะผู้เล่นหญิงที่เคยชื่นชอบเขาและอยู่เคียงข้างเขาในเกมอาณาจักรมนตรา เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์ของเขาในเกมพาราเลลเวิลด์ พวกเธอก็ไม่เคยมาพบหรือติดต่อกับเขาอีกเลย สุดท้ายแล้วก็มีผู้เล่นเพียงแค่ประมาณ 50-60 คนที่ยังอยู่เคียงข้างเขา
ปีศาจดาบรู้สึกผิดหวังและเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่งต่อความอัปลักษณ์ของตนเอง แต่ในฐานะนักเล่นเกมที่มีฝีมือคนหนึ่ง เขาไม่คิดที่จะยอมแพ้เพราะเรื่องแค่นี้ เขามีเจตจำนงอันยิ่งใหญ่ที่จะทำให้สมาคมท้าทายสวรรค์ของเขาโด่งดังในเกมๆนี้เช่นเดียวกับเกมอาณาจักรมนตราที่เขาจากมา
อย่างไรก็ตาม เขาได้พบข้อเสียเปรียบในการเล่นเกมเสมือนจริงเกมนี้ นั่นก็คือเรื่อง ‘การควบคุมร่างกาย’
การจะเก่งในเกมอื่นๆก่อนหน้านี้ ต้องมีความสามารถในการใช้เมาส์และคีย์บอร์ดที่ยอดเยี่ยม แต่สำหรับเกมพาราเลลเวิลด์นี้ จำเป็นต้องมีการควบคุมร่างกายที่ยอดเยี่ยม โชคดีที่เกมพาราเลลเวิลด์ปิดปรับปรุงระบบเป็นเวลานานนับเดือน เขาจึงมีโอกาสได้ฝึกฝนการต่อสู้ในชีวิตจริง เขาฝึกหนักตลอดเวลาที่เกมปิดปรับปรุง หลังจากที่เกมเปิดให้เล่นอีกครั้ง เขาจึงกลับมาพร้อมกับความมั่นใจเต็มเปี่ยม
ตอนนี้เขาเลเวล 25 แล้ว เขาใช้เวลาเก็บเลเวลไม่ถึง 1 วัน นี่เป็นการเก็บเลเวลที่บ้าระห่ำมาก เขาไม่คิดที่จะเสียเวลาเปล่าแม้แต่วินาทีเดียว สำหรับเขาแล้ว การเล่นเกมไม่ใช่แค่เพื่อความสนุกสนาน
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการสร้างความต่างระดับของเลเวลก็คือช่วงเริ่มต้น ปีศาจดาบเองก็ไม่คิดที่จะพลาดโอกาสนี้ แต่เมื่อสมาชิกในสมาคมรายงานเขาว่าถูกกู่เฟยเตะกวาดจัดการพวกเขาทั้งสามคนพร้อมกันได้อย่างง่ายดาย เขาจึงรู้สึกสนใจเรื่องนี้ขึ้นมา
ปีศาจดาบไปศึกษาสกิลต่างๆที่มีในเกม เขาคาดว่าสกิลเตะกวาดที่กู่เฟยใช้น่าจะเป็นสกิล ‘นางแอ่นสวนกลับ’ ของนักสู้ ซึ่งเรียนได้เมื่อมีเลเวล 54 แต่สมาชิกในสมาคมของเขาก็ยังเลเวลไม่ถึง 10 พวกเขาต้องได้รับการปกป้องจากระบบ ไม่มีทางที่พวกเขาจะถูกทำร้ายด้วยสกิลจากผู้เล่นอื่นได้
สิ่งนี้ทำให้ปีศาจดาบเกิดความสงสัย เขาตัดสินใจหยุดเก็บเลเวลเป็นการชั่วคราวและยกพวกมากู่เฟย เขาไม่ได้มาเพื่อปัญหาเล็กๆอย่างแก้แค้นให้ลูกน้องที่ถูกแย่งมอนสเตอร์ แต่เขามาเพื่อหาสาเหตุว่ากู่เฟยทำเช่นนั้นได้อย่างไร
ในตอนแรกปีศาจดาบคิดจะเจรจากันดีดี แต่การพูดเหยียดรูปลักษณ์ภายนอกของเขาที่ไฟบอลทำ ทำให้เขาเริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมา เขากล่าวถามกู่เฟ่ย “นายเลเวลเท่าไหร่?”
“10” กู่เฟยตอบ
“เยี่ยม!” ปีศาจดาบพยักหน้า “พวกนายสองคนเข้ามาพร้อมกันเลยดีมั้ย?”
“ฉันยังเลเวล 1 อยู่เลย” ไฟบอลกล่าวด้วยความรังเกียจ
กู่เฟยกล่าว “เขายังเลเวล 1 อยู่ เขาไม่สามารถ PVP ได้”
ปีศาจดาบยิ้มอย่างพอใจ เขาไม่คิดจะต่อสู้กับสองคนนี้ตั้งแต่แรกแล้ว เขาเพียงแค่กล่าวคำท้าออกไปเพื่อข่มขวัญพวกเขาทั้งสอง แต่สิ่งที่กู่เฟยกล่าวออกมาต่อจากนี้ทำให้เขาประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
“จริงๆแค่ฉันคนเดียวก็พอแล้ว”
ดวงตาของปีศาจดาบเบิกกว้าง เขากล่าวถามย้ำอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “นายหมายความว่าอะไร?”
“ก็นายอยากจะ PVP ไม่ใช่หรอ?” กู่เฟยถามกลับ
แม้ปีศาจดาบจะไม่อยากให้การ PVP ครั้งแรกของตนดูไร้ค่าเพราะเป็นการต่อสู้กับผู้เล่นที่อ่อนแอกว่าตนเองถึง 15 เลเวล แต่ปีศาจดาบก็ไม่สามารถถอดถอนคำกล่าวท้าทายของตนเองได้
“ถ้านายต้องการอย่างนั้นก็ย่อมได้” ปีศาจดาบกล่าวแล้วหันไปสำรวจบริเวณรอบๆ
“เราต่อสู้กันตรงนั่นดีมั้ย?” ปีศาจดาบกล่าวแล้วชี้ไปยังบริเวณที่โล่งกว้าง บริเวณที่โล่งกว้างจะช่วยให้เขาแสดงความสามารถออกมาได้อย่างเต็มที่
กู่เฟยเองก็เห็นด้วยกับการเลือกสถานที่ต่อสู้ของปีศาจดาบ เขาพยักหน้าและเดินตรงไปยังที่โล่งกว้าง
ไฟบอลรีบตามไปติดๆและกระซิบถาม “นายคิดจะทำอะไรของนาย? นายคิดที่จะ PVP กับเขาทั้งๆที่ไม่รู้แม้แต่เลเวลของเขาอย่างนั้นหรอ?”
“มันก็แค่การต่อสู้” กู่เฟยกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
ในเวลานี้กู่เฟยกับปีศาจดาบกำลังยืนประจันหน้ากันอยู่กลางที่โล่งกว้าง สมาชิกร่วมสมาคมของปีศาจดาบยืนอยู่ด้านหลัง พวกเขายอมรับว่าพวกเขารู้สึกกังวลมาก พวกเขาไม่มั่นใจว่าปีศาจดาบจะสร้างสมาคมที่แข็งแกร่งขึ้นในเกมนี้ได้เหมือนกับเกมก่อนหน้านี้หรือไม่ การต่อสู้ในครั้งนี้จึงเป็นตัวตัดสินทุกอย่าง
ไฟบอลยืนอยู่ด้านหลังของกู่เฟย เขาพยายามหาข้อได้เปรียบของกู่เฟย แต่เขาก็ไม่พบข้อได้เปรียบใดใดเลยที่ทำให้กู่เฟยพอมีหวังที่จะชนะในการต่อสู้ครั้งนี้
คู่ต่อสู้ของกู่เฟยคือปีศาจดาบ นักเล่นเกมชั้นแนวหน้าของโลกเกมออนไลน์ เขามีชื่อเสียงในเกมออนไลน์หลายๆเกม เกมอาณาจักรมนตราเป็นแค่หนึ่งในเกมที่เขาได้สร้างชื่อเอาไว้เท่านั้น
“เริ่มกันเลยเถอะ!” กู่เฟยกล่าวพร้อมกับสะบัดเสื้อคลุมและดึงมีดสั้นออกมา
มีดสั้น?
ปีศาจดาบถึงกับงง เห็นได้ชัดว่าชุดที่กู่เฟยใส่อยู่เป็นชุดของจอมเวทย์!
มีสกิลบางสกิลที่ทุกอาชีพสามารถจ่ายเงินเพื่อเรียนรู้ได้เมื่อมีเลเวลสูงพอ เช่นสกิล ‘ตรวจสอบ’ ทักษะนี้ไม่เพียงใช้กับอุปกรณ์เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ตรวจสอบเลเวลและอาชีพทั้งของมอนสเตอร์และผู้เล่นได้อีกด้วย
ด้วยความที่เป็นผู้เล่นที่มีประสบการณ์สูงคนหนึ่ง ปีศาจดาบไม่ลังเลที่จะจ่ายเงินเพื่อเรียนสกิลนี้ เขาใช้สกิลนี้กับกู่เฟยและไฟบอลตั้งแต่ที่ได้พบกัน ทำให้เขารู้ว่าสองคนนี้เล่นอาชีพจอมเวทย์ที่มีเลเวล 10 กับ 1 เขาจึงแปลกใจมากเมื่อกู่เฟยดึงมีดสั้นออกมาใช้เป็นอาวุธ
พวกผู้เล่นกระจอก!
นี่เป็นความคิดที่ปรากฏขึ้นในหัวของปีศาจดาบ เขาได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง
ปีศาจดาบดึงอาวุธออกมาจากเอวอย่างฉับพลัน มันคือมีดสั้น ปีศาจดาบเล่นอาชีพจอมโจร เขาจึงใช้มีดสั้นเป็นอาวุธ
“นายเริ่มก่อนได้เลย” ปีศาจดาบกล่าว เขารู้สึกว่าการเปิดฉากจู่โจมใส่ผู้เล่นที่เลเวลต่ำกว่าเป็นเรื่องที่น่าขายหน้า
“ได้! เตรียมรับมือ!” กู่เฟยกล่าว เขาจับมีดสั้นแบบกลับด้าน และพุ่งตัวออกไปแทงใส่ปีศาจดาบด้วยความเร็วสูง
เร็วมาก!
ปีศาจดาบตกตะลึง ด้วยประสบการณ์ของเขา เขามั่นใจว่ากู่เฟยต้องลงค่าพลังทั้งหมดที่ได้จากการอัพเลเวลไปที่ค่า Agility(ความว่องไว)
เมื่อนึกถึงประสบการณ์ในการเล่นเกมออนไลน์เกมอื่นๆ มีบ้างครั้งที่จอมเวทย์เน้นค่า Agility(ความว่องไว) พวกเขาจะคล่องแคล่วว่องไวและมีอัตราการหลบหลีกสูง แน่นอนว่าจะต้องมีอุปกรณ์สวมใส่ที่เหมาะสมด้วย แต่ประเด็นสำคัญก็คือมันขึ้นอยู่กับแต่ละเกมด้วยว่าจะเล่นสายนี้ได้หรือไม่
สำหรับเกมพาราเลลเวิลด์ที่พึ่งเปิดตัว เหล่าผู้เล่นยังไม่มีข้อมูลมากนัก และด้วยความที่ผู้เล่นหนึ่งคนเล่นได้เพียงแค่ตัวละครเดียว ไม่สามารถลบและสร้างใหม่ได้ จึงไม่มีใครคิดจะเอาไอดีที่มีเพียงหนึ่งเดียวของตนเองไปลองเสี่ยงกับอะไรแปลกๆ
ด้วยเหตุนี้ ปีศาจดาบจึงใช้ค่าพลังที่ได้จากอัพเลเวลไปถึงแค่เลเวล 10 เท่านั้น ค่าพลังที่ได้จากเลเวล 11-25 ยังไม่ถูกใช้งาน เพราะเขาต้องการหาแนวทางการเล่นที่มีประสิทธิภาพก่อนที่จะจัดสรรค่าพลังของเขา
ความเร็วในการจู่โจมของกู่เฟยทำให้ดวงตาของปีศาจดาบเบิกกว้าง ยังโชคดีที่ปีศาจดาบเองก็มีการต่อสนองที่รวดเร็วและมีทักษะที่ดี เขาหลบการโจมตีของกู่เฟยได้ แต่มันก็ทำให้เขาเสียการทรงตัวไปเล็กน้อย
กู่เฟยเล็งจังหวังที่ศัตรูจะเคลื่อนไหวได้ยากลำบากเพราะการโจมตีแรกของเขาเอาไว้แล้ว เขาตวัดมีดขึ้นจู่โจมใส่อีกฝ่ายอย่างต่อเนื่องในทันที
ปีศาจดาบรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก เขาเคลื่อนไหวได้อย่างยากลำบาก แต่เขาก็ยังสามารถหลบการโจมตีครั้งนี้ได้ทันอย่างฉิวเฉียด ด้วยสภาพของเขาในตอนนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหลบการโจมตีได้อีกครั้ง
กู่เฟยแทงตรงออกไปใส่ปีศาจดาบอย่างรุนแรง ปีศาจดาบที่รู้ว่าตนจะไม่สามารถหลบการโจมตีครั้งนี้ได้ เขารีบใช้มีดสั้นของตนตั้งรับอย่างรวดเร็ว
เช้งง!
เสียงมีดสั้นปะทะกัน ปีศาจดาบยืมแรงจากการปะทะในครั้งนี้ผลักตัวเองให้ออกห่างจากกู่เฟย
หัวใจของพวกเขาทั้งสองเต้นแรง นี่เป็นการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นสำหรับพวกเขา
ปีศาจดาบไม่คิดว่ากู่เฟยจะมีฝีมือมากขนาดนี้
กู่เฟยก็ไม่คิดว่าปีศาจดาบจะหลบกระบวนท่าการโจมตีสามประสานของเขาได้
ปะทะ – หน่วงเหนี่ยว – สังหาร
การโจมตีเหล่านี้เป็นการบวนท่าของการใช้อาวุธมีดสั้นที่กู่เฟยคิดขึ้นและฝึกฝนมาอย่างยาวนาน แต่ละขั้นตอนมีความรุนแรงและมีความสำคัญ หากประมาทแม้แต่นิดเดียวก็เป็นอันต้องจบชีวิตลง
กู่เฟยไม่คิดว่าการจู่โจมของเขาจะพลาด เพราะมันเริ่มต้นด้วยการจู่โจมที่สมบูรณ์แบบ ทว่าปีศาจดาบคู่ต่อสู้ของเขาเองก็มีการตอบสนองที่รวดเร็วและฝึกการต่อสู้ในชีวิตจริงมาเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นปีศาจดาบยังให้ความสำคัญกับค่า Agility(ความว่องไว) และเล่นอาชีพจอมโจรที่มีความว่องไวกว่าอาชีพอื่นด้วย
กู่เฟยได้ตระหนักถึงบางอย่างเพราะชายคนนี้ ตัวเขาเองเป็นแค่ผู้ฝึกกังฟูที่มีความว่องไวสูงกว่าคนปกติในชีวิตจริง ซึ่งมันก็มีขีดจำกัดความเร็วของมนุษย์อยู่ แต่เมื่ออยู่ในเกมความว่องขึ้นอยู่กับค่า Agility(ความว่องไว)
เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในชีวิตจริงให้เป็นไปได้ในเกม เขารู้สึกท้าทายและตื่นเต้นกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น