VWCCM#002 กังฟู?


ชายสองคนพุ่งเข้าไปจัดการกับกู่เฟยตามคำสั่ง ส่วนอีกคนหนึ่งพุ่งไปปิดทางเข้าออกซอยเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้กู่เฟยหนี

เมื่อทั้งสองพุ่งเข้ามา คนหนึ่งออกหมัด ส่วนอีกคนก็เตะเข้าใส่กู่เฟย กู่เฟยเพียงแค่เบี่ยงตัวเล็กน้อยก็ทำให้เขาหลบการโจมตีทั้งสองนี้ไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

ปับ!

กู่เฟยยกขาซ้ายเตะใส่ใบหน้าของชายคนหนึ่งเข้าอย่างจัง จากนั้นเขาก็สะบัดขากลับไปเพื่อที่จะเตะใส่ชายอีกคน แต่ชายอีกคนก็ออกไปนอกระยะการโจมตีของเขาแล้ว

กู่เฟยหัวเราะเบาๆ ถ้าอยู่ในโลกความจริง เขาคงสามารถเตะทั้งคู่ลงไปนอนกองอยู่กับพื้นได้แล้ว แต่เมื่อเขาอยู่ในเกมความเร็วของเขาลดลงไปเหลือพียงแค่ครึ่งเดียวและความรุนแรงก็ลดลงไปเป็นอย่างมาก ชายที่โดนเตะจึงไม่ได้รับความเสียหายมากนัก และชายอีกคนจึงหลบการโจมตีของเขาไปได้

ชายคนที่โดนเตะเอามือขึ้นมากุมใบหน้าของตนเองด้วยความประหลาดใจ หากเป็นในโลกจริงเขาคงจะสลบไปแล้วไม่ต่ำกว่า 4-5 ชั่วโมง

"มันมีประสบการณ์ในการต่อสู้จริง" ชายตัวโตกล่าว แต่เขาก็ไม่ได้กังวล ลูกเตะของกู่เฟยไม่ได้ลื่นไหลอย่างที่ควรจะเป็น เห็นได้ชัดว่าความสามารถของเขาถูกจำกัดเอาไว้ด้วยค่าสถานะในเกม "แต่ไม่ต้องกลัว ยังไงมันเป็นก็แค่จอมเวทย์”

ในเวลานี้ชายตัวโตเข้ามาร่วมวงด้วย กลายเป็นการต่อสู้แบบ 3 ต่อ 1 แต่กู่เฟยก็ยังสามารถหลบการโจมตีจากพวกเขาทั้งสามได้ แม้ค่าความแข็งแกร่งและความอดทนจะต่ำมาก แต่ค่าความว่องไวก็ไม่ได้ต่ำจนเกินไป และด้วยประสบการณ์ในการต่อสู้ที่เหนือชั้นของเขา ทำให้เขาสามารถหลบการโจมตีและโจมตีกลับไปได้เรื่อยๆ น่าเสียดายที่การโจมตีของเขามันเบาเกินกว่าที่จะสามารถจัดการคนพวกนี้ได้ หากมันเป็นการโจมตีที่รุนแรงพวกเขาทั้งสามคนจะถูกจัดการไปนานแล้ว

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้กู่เฟยอดรู้สึกหดหู่ใจไม่ได้ ทักษะกังฟูของเขาถูกจำกัดด้วยค่าสถานะในเกม แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาใจชื้นขึ้นมาบ้างก็คือการแสดงประสิทธิภาพของฟังฟูซึ่งเป็นจุดเด่นของเขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับอาชีพ แต่ขึ้นอยู่ค่าสถานะ หากในอนาคตเขาลงค่าสถานะไปที่ค่าความแข็งแกร่งและค่าความว่องไว เขาก็สามารถใช้พลังของวิชากังฟูได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

หลังจากต่อสู้กันอยู่พักใหญ่ พวกเขาทั้งสามก็ตระหนักได้แล้วว่าพวกเขาไม่สามารถทำอะไรกู่เฟยได้เลย พวกเขาค่อยๆหดหู่ขึ้นเรื่อยๆ กลับเป็นกู่เฟยที่ค่อยๆยิ้มออกมาอย่างสนุกสนาน มันเริ่มทำให้พวกเขาเกิดกลัวขึ้นมา

ในสายตาของกู่เฟย ทักษะการต่อสู้ข้างถนนของคนพวกนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา เขากระโดดฝ่าวงล้อมออกมาและกล่าว "ยังจะต่อสู้อีกงั้นหรือ?"

ใบหน้าของคนทั้งสามเต็มไปด้วยร่องรอยจากการโจมตีของกู่เฟย มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายอย่างยิ่งที่พวกเขาทั้งสามถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวเช่นนี้ คนหนึ่งในพวกเขาเบ้าตาซ้ายบวมเป่ง อีกคนหนึ่งเบ้าตาขวากลายเป็นสีเขียวคล้ำ ส่วนชายตัวโตที่เป็นหัวหน้าก็มีเลือดไหลทะลักออกมาจากจมูก

ชายตัวโตเอามือเช็ดเลือดบนใบหน้าแล้วกล่าว "พวกเราถอย!"

“เดี๋ยวก่อน!” กู่เฟยพูด "ไม่คิดจะขอโทษกันซักหน่อยเลยหรือไง?"

"ขอโทษ?" ชายตัวโตกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมา "ทำไมฉันต้องขอโทษนายด้วย ฉันฆ่าพวกฉันไม่ได้ซักหน่อย?"

แม้สภาพของพวกเขาทั้งสามจะดูย่ำแย่ แต่มันก็ยังห่างใกล้กับคำว่าตาย การตายในเกมจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ HP ของบุคคลนั้นถูกลดลงจนเป็นศูนย์ ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน HP ของพวกเขาทั้งสามคนยังเต็มหลอดอยู่เลย นี่อาจจะเป็นหนึ่งในข้อผิดพลาดของเกมเกมนี้

กู่เฟยหัวเราะเบาๆแล้วหยิบหินขึ้นมา แล้วขว้างไปกระแทกหัวของชายตัวโตเข้าอย่างจัง

ชายตัวโตโกรธจนเลือดขึ้นหน้าและคำรามออกมา "แก... "

"สนใจเป็นที่เบ้าตาของนายอีกซักก้อนมั้ย?" กู่เฟยกล่าว

ชายตัวโตคิดว่าที่ขว้างหินมาโดนเขาได้เป็นเพราะกู่เฟยโชคดี แต่คำพูดของเขาราวกับต้องการจะสื่อว่าเขาสามารถขว้างหินไปยังจุดไหนก็ได้อย่างแม่นยำ

“ในชีวิตจริง ตาของนายจะยังคงปกติดี แต่ในเกม ตาของนายอาจจะบอดก็ได้ นี่เป็นเกมเสมือนจริง” กู่เฟยกล่าว

ชายตัวโตตกใจจนเผลอก้าวถอยหลังไปสองก้าว แต่มันก็ยังรู้สึกไม่เชื่อ มันไม่เชื่อหรอกว่าชายหนุ่มคนนี้จะขว้างหินมาให้โดนตาของมันได้ “ไอ้เด็กน้อย คิดจริงๆหรือว่าจะหลอกฉันได้?”

กู่เฟยไม่เสียเวลาพูดอะไรอีก เข้าใช้เท้างัดหินบนพื้นขึ้นมาแล้วใช้มือขว้างมันออกไปเต็มแรง!

“อ๊ากกก!” เสียงร้องของชายตัวโตดังลั่นไปทั่ว เขากุมเบ้าตาขวาของตนเองพร้อมกับร่างที่ทรุดลงไปบนพื้น

"ไม่ต้องกังวล แม้ตาขวาจะบอดนายก็ยังเหลือตาซ้ายอีกข้างหนึ่ง" กู่เฟย์กล่าวพร้อมกับใช้เท่างัดหินบนพื้นขึ้นมาอีก 2 ก้อนแล้วพูดกับชายอีกสองคน "ฉันยังมีหินอีกสองก้อนสำหรับพวกนายด้วยนะ"

"ขะ ขอโทษ พวกเราขอโทษจริงๆ!" หลังจากที่ได้เห็นสภาพอันน่าอนาถของหัวหน้า พวกเขาทั้งคู่ก็ไม่ลังเลที่จะกล่าวคำขอโทษออกมา

“ไสหัวไปซะ!" กู่เฟยกล่าวพร้อมกับโบกมือไล่ พวกเขาทั้งสองตรงไปประคองร่างของชายตัวโตขึ้นมา

"รีบพาฉันไปจากที่นี่..." ชายตัวโตกล่าว แล้วพวกเขาทั้งสามก็พากันจากไป ส่วนชายอีกคนที่ถูกมอบหมายให้ไปเฝ้าปากซอยนั้นแอบหนีไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้

เมื่อได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้กับตา อาฟาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง เขาวิ่งเข้ามาหากู่เฟยที่อยูในซอยแล้วถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ "ครูเป็นนักกังฟูจริงๆหรือ?!"

“แน่นอน ฉันฝึกกังฟูมาตั้งแต่เด็กแล้ว” กู่เฟยยังคงยืนยันคำเดิมเหมือนตอนที่เขาอยู่ในโรงเรียน

กู่เฟยเป็นนักกังฟูจริงๆ เขาเกิดมาในตระกูลของนักกังฟู เขาจึงได้ฝึกวิชากังฟูตั้งแต่ยังเด็ก กังฟูเป็นทั้งอาชีพและความเชี่ยวชาญของครอบครัว ทุกคนในตระกูลถูกปลูกฝังให้สืบทอดและเผยแพร่วิชากังฟูนี้มาตั้งแต่อดีต อย่างไรก็ตามเมื่อมาถึงในยุคปัจจุบัน กู่เฟยก็พบว่านอกจากพ่อของเขากับเขาก็ไม่มีใครสนใจวิชากังฟูนี้อีก

ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ในศตวรรษนี้ ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเครื่องบิน ถนนเต็มไปด้วยรถยนต์ ตามบ้านเรือนเต็มไปด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ในยุคนี้มันไม่สามารถหาเลี้ยงชีพด้วยกังฟูได้เหมือนในอดีตอีกแล้ว

กู่เฟยพยายามพิสูจน์ว่ากังฟูนั้นยังมีสิ่งที่มีประโยชน์แม้จะเป็นในยุคสมัยปัจจุบัน แต่เขากลับยิ่งโดนเยาะเย้ยจากคนอื่นๆ

นี่เป็นความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ มันเป็นเรื่องยากมากที่จะหากินด้วยวิชากังฟูในสมัยนี้

กู่เฟยพยายามนำวิชากังฟูที่เขามีมาปรับใช้เพื่อเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งกีฬา แต่มันกลับไม่สามารถช่วยอะไรได้ซักเท่าไหร่เพราะกฎต่างๆ เช่น การห้ามเตะเหนือระดับเอวในกีฬาฟุตบอล หรือการห้ามชนกระแทกกันในกีฬาบาสเกตบอล แล้วก็ยังมีกีฬาบางประเภทที่วิชากังฟูไม่ได้เป็นประโยชน์เลย เช่น หมากรุก แล้วก็กีฬาในน้ำที่เขาไม่สามารถลงเล่นได้เพราะเขาว่ายน้ำไม่เป็น

ส่วนเรื่องการแข่งขันกังฟู มันได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะทำให้มันฟื้นฟูกลับมาได้อีก

วิชากังฟูที่เขาฝึกมาเน้นเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายและเป็นทักษะการต่อสู้ น่าเสียดายที่ไม่มีสถานที่ใดให้เขานำสิ่งที่ฝึกมานี้ไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเลย ยิ่งไปกว่านั้นพ่อของเขายังห้ามไม่เขาใช้วิชากังฟูเพื่อต่อสู้อีก

"เราฝึกฝนวิชากังฟูเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์ ไม่ใช่เพื่อการทะเลาะวิวาท! " พ่อของเขาเน้นยำเรื่องนี้เอาไว้เสมอ

"เราไม่ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของร่างกายของมนุษย์เพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้ามหรอ?" กู่เฟยกล่าวถามด้วย

"ไม่! วิธีที่ดีที่สุดในการเอาชนะฝ่ายตรงข้ามคือการยิงพวกมัน! " พ่อของเขากล่าว

"ยิงพวกมัน?"

พ่อของเขาพยักหน้า "ถูกต้อง ยิงพวกมันด้วยปืน! "

"แต่…"

ก่อนที่กู่เฟยจะได้พูดอะไรต่อ กำปั้นจากพ่อของเขาก็ประเคนลงมา ครอบครัวของนักกังฟู ถ้าคุยกันด้วยคำพูดไม่รู้เรื่อง ก็ต้องพูดคุยกันด้วยกำปั้น!

ในอดีตพ่อของเขามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและยังเก่งกังฟูมากกว่ากู่เฟยอีก กู่เฟยที่อ่อนแอกว่าทั้งในด้านร่างกายและวิชากังฟูจึงโดนทุบตีและแพ้ไปตามระเบียบ และวันนั่นก็เป็นวันเดียวกันกับวันที่เขาไปปรากฏในคลิปของโรงเรียนมัธยมหยูหลิน

เมื่อตัดการแข่งกีฬาออกไป อาชีพหนึ่งที่ยังพอจะใช้ประโยชน์จากวิชากังฟูของเขาได้ก็คือครูพละ

ช่วงหลังๆมานี้เขาแทบจะไม่ได้เข้ารวมการชุมนุมของตระกูล ก่อนหน้านี้ทุกคนยังเชื่อว่าเขาพยายามยึดมั่นเจตจำนงของตระกูลและเผยแพร่วิชากังฟูต่อไป แต่เมื่อทุกคนรู้ว่าเขากลายเป็นแค่ครูพละคนหนึ่ง ในขณะที่คนอื่นๆประสบความสำเร็จในด้านอาชีพการงาน มีชีวิตที่หรูหรา นอกจากพ่อของเขาก็ไม่มีใครภูมิใจในตัวเขาเลย

แต่พ่อของเขายังยืนยันอยู่เช่นเดิมว่า "กังฟูไม่ได้มีไว้ใช้เพื่อการทะเลาะวิวาท พ่อจะไม่ยอมให้แกใช้กังฟูทำร้ายผู้คนโดยเด็ดขาด!"

"แม้แต่พวกคนชั่วงั้นหรอ?" กู่เฟยถาม

"ใช่ แม้แต่กับคนชั่วก็ไม้มีข้อยกเว้น! " พ่อของกล่าวอย่างมั่นคงเช่นเดิม "เรามีตำรวจและกฎหมายอยู่แล้ว พวกเขาจะลงโทษพวกคนชั่วเอง! "

"แล้วกังฟูจะยังมีประโยชน์อะไรอีก?" กู่เฟยคิด เขาไม่ได้เข้าใจกังฟูเหมือนกับพ่อของเขา ทำให้เขารู้สึกข้องใจเรื่องวิชากังฟูเป็นอย่างมาก

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Virtual World : Close Combat Mage จอมเวทย์กังฟูผู้ยิ่งใหญ่